- การทำสัญญาก่อนสมรสอาจจะดำเนินการได้ดังนี้
(๑)
จดแจ้งสัญญาไว้ในทะเบียนสมรสพร้อมกับการจดทะเบียนสมรส หรือ
(๒) ทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อคู่สมรสและพยานอย่างน้อย
๒ คน แนบไว้ท้ายทะเบียนสมรส พร้อมทั้งจดไว้ในทะเบียนสมรสในขณะจดทะเบียนสมรสว่ามีสัญญาแนบท้าย
ถ้าไม่ทำตามแบบที่กำหนด สัญญานั้นเป็นโมฆะตามมาตรา
๑๔๖๖
- การเปลี่ยนแปลงเพิกถอนสัญญาก่อนสมรสจะทำไม่ได้นอกจากได้รับอนุญาตจากศาล
หากฝ่าฝืนก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงสัญญาก่อนสมรสนั้นแต่อย่างใด
และแม้จะมีข้อตกลงในสัญญาก่อนสมรสโดยชัดแจ้งให้เปลี่ยนแปลงเพิกถอนได้
ข้อตกลงดังกล่าวก็ใช้บังคับไม่ได้เพราะขัดต่อมาตรา ๑๔๖๗
- การเปลี่ยนแปลงสัญญาที่ต้องได้รับอนุญาตจากศาล
จำกัดเฉพาะการเปลี่ยนแปลงเพิกถอนสัญญาภายหลังเมื่อทำการสมรสแล้ว
ถ้าก่อนการสมรสคู่สมรสต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาตต่อศาลแต่อย่างใด
- ผลสัญญาก่อนสมรสต่อบุคคลภายนอก
ให้ถือตามระบบทรัพย์สินของสามีภริยาตามกฎหมายเช่นกรณีปกติตามมาตรา ๑๔๖๘
๒.๒ สัญญาระหว่างสมรสในเรื่องทรัพย์สิน
- การทำสัญญาระหว่างสมรสไม่ได้กำหนดแบบไว้เป็นพิเศษเหมือนกับสัญญาก่อนสมรส
- ห้ามทำสัญญาระหว่างสมรสในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดการสินสมรสที่สำคัญที่สามีภริยาจะต้องจัดการร่วมกัน
เช่น
สามีและภริยาจะทำสัญญาระหว่างสมรสให้ภริยามีอำนาจจำนองที่ดินที่เป็นสินสมรสแต่ผู้เดียวอันแตกต่างจากมาตรา
๑๔๗๖ ไม่ได้ สัญญาดังกล่าวใช้บังคับไม่ได้ เป็นต้น
- สามีหรือภริยาบอกล้างสัญญาได้
แต่จะบอกล้างได้เฉพาะสัญญาที่เกี่ยวกับทรัพย์สินเท่านั้น
โดยจะต้องบอกล้างในเวลาที่เป็นสามีภริยาหันอยู่หรือภายในกำหนด ๑ ปี
นับแต่วันที่ขาดจากการเป็นสามีภริยากัน
แต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยทุจริต
- สัญญาที่ไปเกี่ยวกับทรัพย์สินอาจเสื่อมเสียไปด้วยเหตุอื่นตามหลักในสัญญาทั่วไป
เช่น เป็นโมฆียะเพราะสำคัญผิด เป็นต้น
- แม้สัญญานั้นจะได้ทำมาเกิน ๑๐ ปีแล้ว
สามีหรือภริยาก็ยังมีสิทธิบอกล้างได้
- เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถึงแก่ความตาย
สิทธิบอกล้างไม่ตกทอดไปยังทายาทในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของมรดกผู้ตาย
ทายาทจึงไม่มีสิทธิบอกล้าง
- ผลของการบอกล้างในระหว่างสามีภริยาทำให้สัญญานั้นสิ้นความผูกพันเสมือนหนึ่งว่าสามีภริยาไม่เคยทำสัญญาไว้ต่อกันเลย
จะบังคับกันไม่ได้ถ้าได้มีการโอนทรัพย์สินกันไปแล้วก็ต้องโอนกลับคืน
และถ้ามีการจดทะเบียนก็ต้องเพิกถอนการจดทะเบียนด้วย
แต่การบอกนั้นกระทบกระเทือนถึงบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริต
โดยไม่คำนึงถึงว่าจะมีค่าตอบแทนหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๐๓๙/๒๕๔๔
บันทึกที่โจทก์จำเลยทำขึ้น แม้จะมีข้อความว่าโจทก์และจำเลยตกลงหย่ากัน
แต่ตราบใดที่ยังไม่จดทะเบียนหย่าก็ต้องถือว่าเป็นสามีภริยากันอยู่
เมื่อข้อตกลงนั้นมีส่วนที่เกี่ยวกับทรัพย์สินด้วยจึงเป็นสัญญาเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ทำไว้ต่อกันในระหว่างเป็นสามีภริยาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะบอกล้างเสียในเวลาใดที่เป็นสามีภริยาหรือภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่ขาดจากการเป็นสามีภริยาก็ได้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๖๙
การที่จำเลยยื่นคำให้การว่าบอกเลิกข้อตกลงแล้ว
ย่อมถือได้ว่าเป็นการแสดงเจตนาบอกล้างไปในตัว ในขณะยังเป็นสามีภริยากันอยู่
จึงไม่มีผลบังคับแก่โจทก์จำเลยอีก
ศาลจึงไม่อาจพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าวให้แก่โจทก์ได้
๒.๓ ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยา
ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ
(๑) สินส่วนตัว
(ทรัพย์สินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง)
(๒) สินสมรส
(ทรัพย์สินที่เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันระหว่างคู่สมรสทั้งสองฝ่าย)
๑. สินส่วนตัว (มาตรา ๑๔๗๑)
แบ่งออกเป็น ๔ ชนิด คือ
๑.๑
ทรัพย์สินที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอยู่ก่อนสมรส
- ได้ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ก่อนสมรส
แม้จะยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ภายหลังสมรสแล้วก็ไม่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์
จึงถือว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาก่อนสมรสจึงเป็นสินส่วนตัว
- ทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาร่วมกันก่อนสมรส
แม้สมรสแล้วก็ไม่ทำให้เป็นสินสมรสแต่อย่างใด
แต่คงเป็นสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่ายในลักษณะกรรมสิทธิ์รวม
- ทรัพย์สินที่คู่สมรสเป็นเจ้าของรวมกับคนอื่นอยู่ก่อนสมรส
แม้จะได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งทรัพย์สินกับเจ้าของรวมคนอื่นในระหว่างสมรสก็ยังคงเป็นสินส่วนตัวของฝ่ายนั้น
๑.๒ ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องใช้สอยส่วนตัว
เครื่องแต่งกาย หรือเครื่องประดับกายตามควรแก่ฐานะหรือเครื่องมือ
เครื่องใช้ที่จำเป็นในการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
๑.๓ ทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยการรับมรดกหรือโดยการให้โดยเสน่หา
๑.๔ ทรัพย์สินที่เป็นของหมั้น
ของแทนสินส่วนตัว
ทรัพย์สินที่เป็นสินส่วนตัวนั้น
ถ้าได้แลกเปลี่ยนเป็นทรัพย์อย่างอื่นหรือซื้อทรัพย์สินอื่นมาด้วยเงินสินส่วนตัว
หรือขายสินส่วนตัวและได้เงินมา ทรัพย์สินอื่นหรือเงินที่ได้มานั้นเป็นสินส่วนตัวอยู่ตามเดิม
- กรณีที่ทรัพย์สินหายเงินที่มาแทนทรัพย์สินส่วนตัวนี้ถูกนำไปรวมกับสินสมรสแล้วเกิดเป็นทรัพย์สินขึ้นมาใหม่
จึงเป็นกรรมสิทธิ์รวมของสามีหรือภริยาตามสัดส่วนของสินส่วนตัวและสินสมรสในทรัพย์สินใหม่นั้น
- สินส่วนตัวถูกทำลายไปทั้งหมดหรือแต่บางส่วน
แล้วได้ทรัพย์สินหรือเงินมาทดแทน ทรัพย์สินอื่นเงินที่ได้มานั้น เป็นสินส่ววตัว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น