รูป
วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
การฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตร
๑. ชายฟ้องคดีเอง
สามีซึ่งต้องด้วยขอสันนิษฐานว่าเป็นบิดาของเด็กดังกล่าวมีสิทธิจะปฏิเสธไม่ยอมรับเด็กเป็นบุตรของตนได้โดยการฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรมีวิธีการฟ้องดังนี้ (มาตรา ๑๕๓๙)
๑.๑ ถ้าเด็กและมารดาเด็กยังมีชีวิตอยู่ต้องฟ้องเด็กและมารดาเด็กเป็นจำเลยร่วมกัน
๑.๒ ถ้ามารดาเด็กไม่มีชีวิตอยู่แล้ว จะฟ้องเด็กแต่ผู้เดียวเป็นจำเลยก็ได้
๑.๓ ถ้าเด็กไม่มีชีวิตอยู่ไม่ว่ามารดาของเด็กจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ จะยื่นคำร้องขอให้ศาลแสดงว่าเด็กนั้นไม่เป็นบุตรก็ได้
ข้อสังเกต
(๑) หน้าที่นำสืบตกอยู่แก่ชายผู้เป็นสามีหรือเคยเป็นสามี
(๒) การนำสืบไม่จำเป็นต้องพิสูจน์โดยปราศจากข้อสงสัย เพียงแต่พิสูจน์ให้เป็นคุณแก่
ตน และอีกฝ่ายหนึ่งไม่สามารถนำสืบหักล้างได้ก็เพียงพอแล้ว
(๓) การพิสูจน์ต้องพิสูจน์อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๓.๑) ตนไม่ได้อยู่ร่วมกับมารดาเด็กในระยะเวลาตั้งครรภ์ (๑๘๐-๓๑๐ วัน)
(๓.๒) ตนไม่สามารถเป็นบิดาของเด็กได้เพราะเหตุอย่างอื่น เช่น เป้นหมั้น ตรวจเลือด หรือตรวจดีเอ็นเอ เป็นต้น
ข้อสังเกต เพียงแต่พิสูจน์ได้ว่าภริยาตัวเองมีชู้ ยังไม่ถือว่าตนไม่อาจเป็นบิดาของเด็กได้
ข้อยกเว้นที่ห้ามชายมิให้ฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตร (มาตรา ๑๕๔๑)
๑. เป็นผู้แจ้งเกิดในทะเบียนเกิดว่าเป็นบุตรของตน
๒. จัดให้มีการแจ้งการเกิด
๓. ยอมให้มีการแจ้งเกิดดังกล่าว
ระยะเวลาในการฟ้องคดี (มาตรา ๑๕๔๒)
ต้องฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่วันรู้ถึงการเกิดของเด็ก แต่ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันเกิดของเด็ก
๒. ทายาทผู้มีส่วนได้เสียฟ้องคดีแทน (มาตรา ๑๕๔๔)
ทายาทผู้มีส่วนได้เสียของชาย ฟ้องคดีแทนชายได้หากชายถึงแก่ความตายไปเสียก่อน แต่บุคคลดังกล่าวต้องเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกร่วมกับเด็กหรือเป็นผู้จะเสียสิทธิรับมรดกเพราะการเกิดของเด็ก โดยจะฟ้องได้ใน ๒ กรณี คือ
(๑) ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีตายก่อนพ้นระยะเวลาที่ชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีจะพึงฟ้องได้
(๒) เด็กเกิดภายหลังการตายของชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามีการฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตร
ในกรณี (๑) ต้องฟ้องภายใน ๖ เดือน นับแต่วันที่รู้ถึงการตายของชายผู้เป็นหรือเคยเป็นสามี การฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรในกรณี (๒) ต้องฟ้องภายใน ๖ เดือน นับแต่วันที่รู้ถึงการเกิดของเด็ก แต่ไม่ว่าเป็นกรณีใด ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้น ๑๐ ปี นับแต่วันเกิดของเด็ก
๓. การฟ้องคดีปฏิเสธความเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย
- คดีนี้ถือว่าเป็นคดีที่บุตรฟ้องบุพการีอันเป็นคดีอุทลุม
- เด็กฟ้องคดีเองไม่ได้แต่จะต้องร้องขอให้อัยการเป็นผู้ดำเนินการฟ้องคดีแทน ถ้าเป็นผู้เยาว์จะต้องได้รับความยินยอมจากมารดาก่อนตามหลักทั่วไป
- กรณีมารดาไม่ยินยอมเด็กต้องรอให้ตนบรรลุนิติภาวะ แล้วจะต้องร้องขอให้อัยการฟ้องภายใน ๑ ปี นับแต่วันที่บรรลุนิติภาวะ แต่ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้น ๑๐ ปี นับแต่วันที่เด็กเกิดบรรลุนิติภาวะ
การทำให้บุตรที่เกิดนอกสมรสกลายเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดา (มาตรา ๑๕๔๗)
๑. บิดามารดาสมรสกันในภายหลัง
ข้อสังเกต มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่บุตรเกิด ดังนั้น หากในวันที่บิดามารดาสมรสกันนี้ บุตรได้ถึงแก่ความตายไปแล้ว บุตรของบุตรที่ตายไปก็มีสิทธิรับมรดกแทนที่บิดา (บุตรที่ตาย) ของตนได้
๒. บิดาจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร
ข้อสังเกต
(๑) ต้องได้รับความยินยอมจากเด็กและมารดาเด็ก โดยทั้งสองจะต้องให้ความยินยอมด้วยตนเองต่อหน้านายทะเบียน
(๒) กรณีเด็กหรือมารดาคัดค้านว่าไม่ใช่บิดา หรือไม่ให้ความยินยอม หรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรจะต้องมีคำพิพากษาของศาลให้จดทะเบียนได้ (แสดงว่าถ้าเด็กตายก็จดทะเบียนได้โดยให้ศาลสั่ง)
(๓) การไปแจ้งในสูติบัตรหรือทะเบียนสำมะโนครัวว่าเด็กเป็นบุตรของตนไม่ใช่เป็นการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
(๔) ภายหลังจดทะเบียนหากปรากกว่ามิใช่เป็นบิดาที่แท้จริงก็มีการเพิกถอนการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรได้ตามมาตรา ๑๕๕๔
๓. การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย
การฟ้องขอรับเด็กเป็นบุตร เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา ๑๕๕๕ วรรคหนึ่ง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชาย
(๑) เมื่อมีการข่มขืนกระทำชำเรา ฉุดคร่า หรือหน่วงเหนี่ยวกักขังหญิงมารดาโดยมิชอบด้วยกฎหมายในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้
(๒) เมื่อมีการลักพาหญิงมารดาไปในทางชู้สาวหรือมีการล่อลวงร่วมประเวณีกับหญิงมารดาในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้
(๓) เมื่อมีเอกสารของบิดาแสดงว่าเด็กนั้นเป็นบุตรของตน
(๔) เมื่อปรากฏในทะเบียนคนเกิดว่าเด็กเป็นบุตรโดยมีหลักฐานว่าบิดาเป็นผู้แจ้งการเกิดหรือรู้เห็นยินยอมในการแจ้งนั้น
ข้อสังเกต หากมารดาของเด็กไปแจ้งการเกิดของเด็กเองโดยอ้างว่าเด็กเป็นบุตรของชาย อย่างนี้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ข้อนี้
(๕) เมื่อบิดามารดาได้อยู่กินด้วยกันอย่างเปิดเผยในระยะเวลาซึ่งหญิงมารดาอาจตั้งครรภ์ได้
ข้อสังเกต ถ้าอยู่ด้วยกันอย่างลักลอบปกปิด หรือแอบหนีจากที่อยู่ตามปกติไปอยู่ที่อื่น เด็กยังคงต้องมีภาระการพิสูจน์ว่าตนเป็นบุตรของชาย
(๖) เมื่อได้มีการร่วมประเวณีกับหญิงมารดาในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้ และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเด็กนั้นมิได้เป็นบุตรของชายอื่น
(๗) เมื่อมีพฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตร
วิธีการในการฟ้องคดี
๑. ถ้าเด็กยังเป็นผู้เยาว์และมีอายุยังไม่ครบ ๑๕ ปีบริบูรณ์ ผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กซึ่งตามปกติก็คือมารดาเป็นผู้ฟ้องคดีแทนเด็ก
๒. ถ้าเด็กยังเป็นผู้เยาว์แต่มีอายุครบ ๑๕ ปีบริบูรณ์แล้ว เด็กฟ้องคดีเองได้ และไม่จำเป้นต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมแต่อย่างใด
๓. ถ้าเด็กบรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่ว่าจะด้วยการสมรสหรือมีอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์แล้ว ก็ฟ้องคดีเองได้แต่ต้องภายใน ๑ ปี นับแต่วันบรรลุนิติภาวะ
๔. ถ้าเด็กถึงแก่ความตายไปแล้ว
ผู้สืบสันดานของเด็กฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรได้ ถ้าผู้สืบสันดานก่อนวันที่เด็กตายจะต้องฟ้องคดีภายใน ๑ ปี นับแต่วันที่เด็กตาย แต่ถ้ารู้เหตุภายหลังที่เด็กตาย จะต้องฟ้องคดีภายใน ๑ ปี นับแต่วันที่รู้เหตุ แต่ทั้งนี้จะต้องไม่เกินกำหนด ๑๐ ปี นับแต่วันที่เด็กตาย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น