ค่าทดแทนในการเลิกสัญญาหมั้น
๑. ค่าทดแทนที่คู่หมั้นเรียกจากกันในกรณีบอกเลิกสัญญาหมั้นเพราะการกระทำชั่วอย่างร้ายแรงของคู่หมั้น
เหตุที่ทำให้ต้องรับผิดใช้ค่าทดแทนจะต้องเกิดขึ้นหลังการหมั้น
หากเกิดขึ้นก่อนทำสัญญาหมั้นก็จะเรียกค่าทดแทนไม่ได้
คู่สัญญาหมั้นมีสิทธิเพียงแต่บอกเลิกสัญญาหมั้นโดยอ้างว่ามีเหตุสำคัญอันเกิดแก่ชายหรือหญิงคู่หมั้นเท่านั้น
จะเรียกค่าทดแทนไม่ได้
๒.
ค่าทดแทนจากชายอื่นหรือหญิงอื่นที่ล่วงเกินหญิงคู่หมั้นหรือชายคู่หมั้นทางประเวณี
๒.๑
กรณีที่คู่หมั้นยินยอมร่วมประเวณีกับชายอื่นหรือหญิงอื่นนั้น
(๑) เรียกค่าทดแทนได้ต่อเมื่อชายหรือหญิงคู่หมั้นได้
บอกเลิกสัญญาหมั้นตามมาตรา ๑๔๔๒ หรือมาตรา ๑๔๔๓ แล้ว
(๒)
ชายอื่นหรือหญิงอื่นจะต้องรู้หรือควรรู้ว่าชายหรือหญิงนั้นได้หมั้นแล้ว
ข้อสังเกต
ก. กรณีหญิงคู่หมั้นร่วมประเวณีกับชายอื่น
นอกจากชายคู่หมั้นจะมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากชายอื่นได้แล้ว
อาจเรียกค่าทดแทนจากหญิงคู่หมั้นได้โดยอ้างเหตุว่าเป็นการกระทำชั่วอย่างร้ายแรง
ข.
หญิงคู่หมั้นเพียงแต่ยินยอมให้กอดจูบลูบคลำยังไม่ถึงขั้นให้ร่วมประเวณี
ชายคู่หมั้นจะเรียกค่าทดแทนจากชายอื่นไม่ได้
แต่อาจเรียกค่าทดแทนจากหญิงคู่หมั้นได้ โดยถือว่าเป็นการกระทำชั่วอย่างร้ายแรง
๒.๒ กรณีบุคคลอื่นข่มขืนหรือพยายามข่มขืนการกระทำชำเราหญิงคู่หมั้นหรือชายคู่หมั้น
(๑) คู่หมั้นไม่จำเป็นต้องบอกเลิกสัญญาหมั้นด้วย
(๒) ไม่ใช่เป็นเรื่องของการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
คู่หมั้นจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงคู่หมั้นหรือชายคู่หมั้นไม่ได้ตามมาตรา ๑๔๔๔ ไม่ได้
(๓) คู่หมั้นจะเรียกค่าทดแทนจากบุคคลอื่นที่มาข่มขืนหรือพยายามข่มขืนคู่หมั้นตนได้
บุคคลอื่นนั้นจะต้องรู้หรือควรจะรู้ว่าหญิงหรือชายมีคู่หมั้นแล้ว
แต่ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าคู่หมั้นเป็นใคร
ข้อสังเกต
การเรียกค่าทดแทนจากบุคคลอื่นที่มาล่วงเกินคู่หมั้นทางประเวณีตามมาตรา ๑๔๔๕ และ
๑๔๔๖ หมายความเฉพาะเพศตรงข้ามกับชายหรือหญิงคู่หมั้นเท่านั้น
(แสดงว่าไม่ถือตามประมวลกฎหมายอาญา)
สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนในเรื่องการหมั้น
นอกจากค่าทดแทนตามมาตรา ๑๔๔๐ (๒) ไม่อาจโอนกันได้และไม่ตกทอดไปถึงทายาท
เว้นแต่สิทธินั้นจะได้รับสภาพกันไว้เป็นหนังสือหรือผู้เสียหายได้เริ่มฟ้องคดีตามสิทธินั้นแล้ว
อายุความในเรื่องการหมั้นกฎหมายกำหนดไว้เพียง ๖ เดือน
นับตั้งแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ เป็นต้นไป แต่การเรียกร้องสินสอดคืน
กฎหมายไม่ได้กำหนดอายุความไว้ จึงใช้อายุความ ๑๐ ปี ตามหลักกฎหมายทั่วไป
การสมรส
หลักเกณฑ์การสมรส มีอยู่ ๔ ประการ คือ
๑.
คู่สมรสฝ่ายหนึ่งจะต้องเป็นชายอีกฝ่ายหนึ่งจะต้องเปินหญิง
๒. การสมรสจะต้องเป็นการกระทำโดยสมัครใจของชายและหญิง
หากชายและหญิงสมรสกันโดยไม่ได้เกิดจากความยินยอมสมรสกัน การสมรสนั้นเป็นโมฆะ
๓.
การอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาจะต้องเป็นระยะเวลาชั่วชีวิต
๔. การสมรสจะต้องมีคู่สมรสเพียงคนเดียว
เงื่อนไขการสมรส
๑. ชายและหญิงต้องมีอายุ ๑๗ ปีบริบูรณ์แล้วทั้งสองคน
หากฝ่าฝืนการสมรสนั้นเป็น
โมฆียะตามมาตรา ๑๕๐๓
๒.
ชายหรือหญิงต้องไม่เป็นคนวิกลจริตหรือเป็นบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ หากฝ่าฝืนการสมรสนั้นเป็นโมฆะตามมาตรา
๑๔๙๕
๓. ญาติสนิทสมรสกันไม่ได้ ญาติสนิทมี ๔ ประเภท คือ
(๑) ญาติสืบสายโลหิตโดยตรงขึ้นไป คือ บิดา มารดา ปู่
ย่า ตา ยาย ทวด
(๒) ญาติสืบสายโลหิตโดยตรงลงมา คือ ลูก หลาน เหลน ลื่อ
(๓) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
(๔) พี่น้องร่วมแต่บิดาหรือมารดา
ผลของการฝ่าฝืนทำให้การสมรสนั้นเป็นโมฆะตามมาตรา ๑๔๙๕
ข้อสังเกต ญาติสนิทถือตามความเป็นจริง
๔. ผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมจะสมรสกันไม่ได้
หากฝ่าฝืนการสมรสนั้นก็ยังคงสมบูรณ์
มีผลเพียงการรับบุตรบุญธรรมเป็นอันยกเลิกเมื่อมีการสมรสฝ่าฝืนตามมาตรา ๑๔๕๑
เท่านั้น
๕. ชายหรือหญิงมิได้เป็นคู่สมรสของบุคคลอื่น
หากฝ่าฝืนเป้นการสมรสซ้อนทำให้การสมรสนั้นเป็นโมฆะตามมาตรา ๑๔๙๕
ทรัพย์สินที่เป็นสินส่วนตัวนั้น
ถ้าได้แลกเปลี่ยนเป็นทรัพย์อย่างอื่นหรือซื้อทรัพย์สินอื่นมาด้วยเงินสินส่วนตัว
หรือขายสินส่วนตัวและได้เงินมา ทรัพย์สินอื่นหรือเงินที่ได้มานั้นเป็นสินส่วนตัวอยู่ตามเดิม
- กรณีที่ทรัพย์สินหายเงินที่มาแทนทรัพย์สินส่วนตัวนี้ถูกนำไปรวมกับสินสมรสแล้วเกิดเป็นทรัพย์สินขึ้นมาใหม่
จึงเป็นกรรมสิทธิ์รวมของสามีหรือภริยาตามสัดส่วนของสินส่วนตัวและสินสมรสในทรัพย์สินใหม่นั้น
- สินส่วนตัวถูกทำลายไปทั้งหมดหรือแต่บางส่วน
แล้วได้ทรัพย์สินหรือเงินมาทดแทน ทรัพย์สินอื่นเงินที่ได้มานั้น เป็นสินส่ววตัว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น